อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
เมโสโปเตเมีย (กรีก: Μεσοποταμία, เมโซโพทาเมีย; อังกฤษ: Mesopotamia) เป็นคำกรีกโบราณ ตามรูปศัพท์แปลว่า
"ที่ระหว่างแม่น้ำ" (meso = กลาง + potamia = แม่น้ำ) โดยมีนัยหมายถึง
"ดินแดนระหว่างแม่น้ำแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส" ดินแดนดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "ดินแดนวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์"
(Fertile Crescent) ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่
ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าวเปอร์เซีย
เมโสโปเตเมียเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
เมโสโปเตเมีย แปลว่า ดินแดนระหว่างแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรทีส
(ปัจจุบันคือดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรัก) ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำทั้งสองสายเป็นพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
ทำให้กลุ่มชนชาติต่างๆเข้ามาทำมาหากินและสร้างอารยธรรมขึ้น
รวมทั้งถ่ายทอดอารยธรรมจากกลุ่มหนึ่งสู่กลุ่มหนึ่ง ทำให้เกิดอารยธรรมแบบผสม
เมโสโปเตเมียเป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน
น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นน้ำจากแม่น้ำที่มาจากการละลายของหิมะบนเทือกเขาในอาร์เมเนีย น้ำจะพัดพาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง
ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนและบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง
ไร่นา ทรัพย์สิน และชีวิตผู้คน การกสิกรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ
ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้
แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น
เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเมื่ออยู่ไปนาน ๆ
เข้าก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขาที่ราบสูงทางภาคเหนือ
และตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ
และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอาระเบีย
เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่มต่าง ๆ
หลายกลุ่ม มิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่นอารยธรรมอียิปต์
คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม
ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่น ๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน
ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ
แผนที่บริเวณเมโสโปเตเมีย
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
เมโสโปเตเมียเป็นอู่อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกสมัยโบราณ
โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำไทกริส (Tigris)
และแม่น้ำยูเฟรทีส (Euphrates) ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในประเทศอิรัก แม่น้ำทั้ง 2
สายมีต้นน้ำอยู่ในอาร์เมเนียและเอเชียไมเนอร์มาบรรจบกันเป็นแม่น้ำชัตต์อัลอาหรับแล้วไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีสตอนล่างเรียกว่าบาบิโลเนีย (Babylonia) เป็นเขตซึ่งอยู่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย มีชื่อเรียกในสมัยหนึ่งว่าชีนา (Shina)
เกิดจากการทับถมของดินที่แม่น้ำพัดพามา กล่าวคือ
ในฤดูร้อนหิมะบนภูเขาในอาร์เมเนียละลายไหลบ่าลงมาทางใต้พัดพาเอาโคลนตมมาทับถมไว้ยังบริเวณปากน้ำ
ทำให้พื้นดินตรงปากแม่น้ำงอกออกทุกปี โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 1 ไมล์ครึ่งทุก ๆ ศตวรรษ
(ประมาณปีละ 29 นิ้วครึ่ง)
อาณาบริเวณที่เรียกว่าเมโสโปเตเมีย
มีทิศเหนือจรดทะเลดำและทะเลแคสเปียน ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลแดงและมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตกจรดที่ราบซีเรียและปาเลสไตน์ ส่วนทิศตะวันออกจรดที่ราบสูงอิหร่าน
เมโสโปเตเมียแบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนล่างใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย มีความอุดมสมบูรณ์เรียกว่าบาบิโลเนีย
ส่วนบนซึ่งค่อนข้างแห้งแล้งเรียกว่าอัสซีเรีย (Assyria) บริเวณทั้งหมดมีชนชาติหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ มีการรบพุ่งกันอยู่เสมอ
เมื่อชาติใดมีอำนาจก็เข้าไปยึดครองและกลายเป็นชนชาติเดียวกัน
นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า
ไม่มีแห่งหนตำบลใดจะมีชาติพันธุ์มนุษย์ผสมปนเปกันมากมายเหมือนที่นี่และยังเป็นยุทธภูมิระหว่างตะวันตกกับตะวันออกตลอดสมัยประวัติศาสตร์
ดังนั้น ประวัติเรื่องราวต่าง ๆ ของชนชาติเหล่านี้จึงค่อนข้างสับสน
กลุ่มชนที่สร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
อารยธรรมของชาวสุเมเรียน
1.
ศาสนา เกิดจากความกลัวของชาวสุเมเรียน ความเชื่อในเรื่องวิญญาณร้าย
มีพิธีบวงสรวงเพื่อให้เทพเจ้าพึงพอใจ
แต่พวกเขาจะไม่เชื่อในเรื่องความเป็นอมตะและภพหน้า

เทพเจ้า Enlil เทพเจ้าแห่งอากาศ
และเทพเจ้า Ninlil พระชายา(Ziggurat)
2. สถาปัตยกรรม ที่พบเห็นได้เด่นชัดคือ “วิหารหอคอย” หรือ “ซิกกูแรท”
ที่สร้างด้วยดินหรืออิฐ ซึ่งนั่นนับเป็นจุดอ่อนของสถาปัตยกรรมของชาวสุเมเรียน
เพราะดินสามารถเสื่อมสลาย ผุผังไปตามกาลเวลาได่ง่าย ลักษณะของซิกกูแรทคล้ายๆกับพีระมิดมัสตาบ้าของอียิปต์โบราณ
แต่จะเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรียงซ้อนกันขึ้นไป มีทางขึ้นทั้ง 2 ด้าน ด้านบนสุดเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า
ซิกกูแรท
3. ตัวอักษร เป็นตัวอักษรเครื่องหมาย หรือเรียกว่า “อักษรรูปลิ่ม”
หรือ “อักษรคูนิฟอร์ม” รูปร่างคล้ายตัววีในภาษาอังกฤษ


4. การปกครอง ปกครองแบบเทวาธิปไตย อาศัยอำนาจของเทพเจ้าเป็นเครื่องมือในการปกครอง
มีอยุ่ด้วยกัน 2 กลุ่มคือ
1) ลูการ์ คือทหารที่มาปกครอง

2) ปาเตซี คือพระที่เป็นคนกลางระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์
จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครอง แต่ก็ไม่นานนัก

5. วิทยาศาสตร์ ทำปฎิทินโดยยึดหลักจันทรคติ 1 ปีมี 360
วัน รู้จักคำนวณหาพื้นที่เพื่อเพาะปลูกหรือก่อสร้าง
เริ่มสังเกตความเป็นไปบนท้องฟ้า
6. สังคม แบ่งเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่
1) ชนชั้นสูงหรือปกครอง
ได้แก่ พระ ผู้ครองนคร
2) ชนชั้นกลาง
ได้แก่ พ่อค้า ช่างฝีมือ อาลักษณ์
3) ชนชั้นต่ำ
ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ชาวนา
4) ชนชั้นต่ำสุด
ได้แก่ ทาส

ชนชั้นต่ำสุด ถูกใช้แรงงานในการสร้างซิกกูแรท

ชนชั้นสูงหรือชนชั้นปกครอง
ภาพวาดและจารึกที่แสดงถึงความเชื่อของชาวสุเมเรียน
การวางผังเมือง





เครื่องใช้ที่พบ (ชาม)
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2
: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=336522
: http://www.youtube.com/watch?v=pCWunwxkPCg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น