วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย


อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
 
         
           เมโสโปเตเมีย (กรีก: Μεσοποταμία, เมโซโพทาเมีย; อังกฤษ: Mesopotamia) เป็นคำกรีกโบราณ ตามรูปศัพท์แปลว่า "ที่ระหว่างแม่น้ำ" (meso = กลาง + potamia = แม่น้ำ) โดยมีนัยหมายถึง "ดินแดนระหว่างแม่น้ำแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส" ดินแดนดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "ดินแดนวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์" (Fertile Crescent) ซึ่งเป็นดินแดนรูปครึ่งวงกลมผืนใหญ่ ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าวเปอร์เซีย

เมโสโปเตเมียเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง เมโสโปเตเมีย แปลว่า ดินแดนระหว่างแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรทีส (ปัจจุบันคือดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรัก) ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำทั้งสองสายเป็นพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้กลุ่มชนชาติต่างๆเข้ามาทำมาหากินและสร้างอารยธรรมขึ้น รวมทั้งถ่ายทอดอารยธรรมจากกลุ่มหนึ่งสู่กลุ่มหนึ่ง ทำให้เกิดอารยธรรมแบบผสม

เมโสโปเตเมียเป็นดินแดนที่อากาศร้อนและกันดารฝน น้ำที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นน้ำจากแม่น้ำที่มาจากการละลายของหิมะบนเทือกเขาในอาร์เมเนีย น้ำจะพัดพาเอาโคลนตมมาทับถมชายฝั่งทั้งสอง ทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก การเอ่อล้นของน้ำอันเกิดจากหิมะละลายไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนและบางครั้งทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ไร่นา ทรัพย์สิน และชีวิตผู้คน การกสิกรรมที่จะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องอาศัยระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ

ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความกระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเมื่ออยู่ไปนาน ๆ เข้าก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป พวกที่เข้ามารุกรานส่วนใหญ่มักจะมาจากบริเวณหุบเขาที่ราบสูงทางภาคเหนือ และตะวันออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนไม่อุดมสมบูรณ์เท่าเขตลุ่มแม่น้ำ และยังมีพวกที่มาจากทะเลทรายซีเรียและอาระเบีย เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอารยธรรมของคนกลุ่มต่าง ๆ หลายกลุ่ม มิได้เป็นเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบต่อกันเป็นเวลายาวนานดังเช่นอารยธรรมอียิปต์

คนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวสุเมเรียน ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวสุเมเรียนขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม ตัวอักษร ศิลปกรรมอื่น ๆ ตลอดจนทัศนคติต่อชีวิตและเทพเจ้าของชาวสุเมเรียน ได้ดำรงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในลุ่มแม่น้ำทั้งสองตลอดช่วงสมัยโบราณ
 
File:Mesopotamië.jpg
แผนที่บริเวณเมโสโปเตเมีย
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
เมโสโปเตเมียเป็นอู่อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกสมัยโบราณ โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำไทกริส (Tigris) และแม่น้ำยูเฟรทีส (Euphrates) ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในประเทศอิรัก แม่น้ำทั้ง 2 สายมีต้นน้ำอยู่ในอาร์เมเนียและเอเชียไมเนอร์มาบรรจบกันเป็นแม่น้ำชัตต์อัลอาหรับแล้วไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีสตอนล่างเรียกว่าบาบิโลเนีย (Babylonia) เป็นเขตซึ่งอยู่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย มีชื่อเรียกในสมัยหนึ่งว่าชีนา (Shina) เกิดจากการทับถมของดินที่แม่น้ำพัดพามา กล่าวคือ ในฤดูร้อนหิมะบนภูเขาในอาร์เมเนียละลายไหลบ่าลงมาทางใต้พัดพาเอาโคลนตมมาทับถมไว้ยังบริเวณปากน้ำ ทำให้พื้นดินตรงปากแม่น้ำงอกออกทุกปี โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 1 ไมล์ครึ่งทุก ๆ ศตวรรษ (ประมาณปีละ 29 นิ้วครึ่ง)
อาณาบริเวณที่เรียกว่าเมโสโปเตเมีย มีทิศเหนือจรดทะเลดำและทะเลแคสเปียน ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลแดงและมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตกจรดที่ราบซีเรียและปาเลสไตน์ ส่วนทิศตะวันออกจรดที่ราบสูงอิหร่าน
เมโสโปเตเมียแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนล่างใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย มีความอุดมสมบูรณ์เรียกว่าบาบิโลเนีย ส่วนบนซึ่งค่อนข้างแห้งแล้งเรียกว่าอัสซีเรีย (Assyria) บริเวณทั้งหมดมีชนชาติหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ มีการรบพุ่งกันอยู่เสมอ เมื่อชาติใดมีอำนาจก็เข้าไปยึดครองและกลายเป็นชนชาติเดียวกัน นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า ไม่มีแห่งหนตำบลใดจะมีชาติพันธุ์มนุษย์ผสมปนเปกันมากมายเหมือนที่นี่และยังเป็นยุทธภูมิระหว่างตะวันตกกับตะวันออกตลอดสมัยประวัติศาสตร์ ดังนั้น ประวัติเรื่องราวต่าง ๆ ของชนชาติเหล่านี้จึงค่อนข้างสับสน
 
 กลุ่มชนที่สร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
1.            ชาวซูเมอร์ (Sumerians)
2.            ชาวแอกแคด (Akkadians)
3.            ชาวแอเมอไรต์ (Amorites)
4.            ชาวอัสซีเรีย (Assyrian)
5.            ชาวแคลเดีย (Chaldeans)

อารยธรรมของชาวสุเมเรียน 


            1. ศาสนา เกิดจากความกลัวของชาวสุเมเรียน ความเชื่อในเรื่องวิญญาณร้าย มีพิธีบวงสรวงเพื่อให้เทพเจ้าพึงพอใจ แต่พวกเขาจะไม่เชื่อในเรื่องความเป็นอมตะและภพหน้า

เทพเจ้า Enlil เทพเจ้าแห่งอากาศ และเทพเจ้า Ninlil พระชายา(Ziggurat)

           

             2. สถาปัตยกรรม ที่พบเห็นได้เด่นชัดคือ วิหารหอคอยหรือ ซิกกูแรทที่สร้างด้วยดินหรืออิฐ ซึ่งนั่นนับเป็นจุดอ่อนของสถาปัตยกรรมของชาวสุเมเรียน เพราะดินสามารถเสื่อมสลาย ผุผังไปตามกาลเวลาได่ง่าย ลักษณะของซิกกูแรทคล้ายๆกับพีระมิดมัสตาบ้าของอียิปต์โบราณ แต่จะเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรียงซ้อนกันขึ้นไป มีทางขึ้นทั้ง 2 ด้าน ด้านบนสุดเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า

                                          ซิกกูแรท
 

3. ตัวอักษร เป็นตัวอักษรเครื่องหมาย หรือเรียกว่า อักษรรูปลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์มรูปร่างคล้ายตัววีในภาษาอังกฤษ


 



 








 





 4. การปกครอง ปกครองแบบเทวาธิปไตย อาศัยอำนาจของเทพเจ้าเป็นเครื่องมือในการปกครอง มีอยุ่ด้วยกัน 2 กลุ่มคือ

               1) ลูการ์ คือทหารที่มาปกครอง

 

              2) ปาเตซี คือพระที่เป็นคนกลางระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์ จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครอง แต่ก็ไม่นานนัก

5. วิทยาศาสตร์ ทำปฎิทินโดยยึดหลักจันทรคติ 1 ปีมี 360 วัน รู้จักคำนวณหาพื้นที่เพื่อเพาะปลูกหรือก่อสร้าง เริ่มสังเกตความเป็นไปบนท้องฟ้า

6. สังคม แบ่งเป็น 4 ชนชั้น ได้แก่
            1) ชนชั้นสูงหรือปกครอง ได้แก่ พระ ผู้ครองนคร
            2) ชนชั้นกลาง ได้แก่ พ่อค้า ช่างฝีมือ อาลักษณ์
            3) ชนชั้นต่ำ ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ชาวนา
            4) ชนชั้นต่ำสุด ได้แก่ ทาส




ชนชั้นต่ำสุด ถูกใช้แรงงานในการสร้างซิกกูแรท
ชนชั้นสูงหรือชนชั้นปกครอง
 
ภาพวาดและจารึกที่แสดงถึงความเชื่อของชาวสุเมเรียน
          การวางผังเมือง
 
 

 

                                                                                                    เครื่องใช้ที่พบ (ชาม)



ที่มา :  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2
        : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=336522
        : http://www.youtube.com/watch?v=pCWunwxkPCg












 
 
 
 
 
 
 
 


 

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น