10 มหาอำนาจโลก

10 มหาอำนาจโลก

1.  กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา

         





         
          กรุงวอชิงตัน ดี.ซีเป็นเมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่บริเวณทิศตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ติดกับรัฐเวอร์จิเนียและรัฐแมริแลนด์ ฝั่งซ้ายของแม่น้ำพอตอแมก สร้างในสมัย ประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีท่านแรกของสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีศูนย์กลางที่ ตึกรัฐสภา ถนนในแนวเหนือใต้จะเป็นตัวเลข ถนนสร้างใหม่ในแนวตะวันออกตกจะเป็นตัวอักษร a b c ถนนเส้นเก่าจะยังคงชื่อเดิม ถนนทะแยงเป็นชื่อมลรัฐ ระบบขนส่งมวลชนในเมืองจะมีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินเรียกว่า “เมโทรเรล มี 5 สาย และ 86 สถานี มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ได้แก่

- มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์
- มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน
- มหาวิทยาลัยคาธิลิกแห่งอเมริกา

2. กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเมืองของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิน หยวน หมิง ชิง จนถึง สาธารณรัฐประชาชนจีน เคยใช้ชื่อ จงตู ต้าตู เป่ยผิง และเป่ยจิง แบ่งเป็น 16 เขต และ 2 อำเภอ เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง ปักกิ่งเป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทาง การคมนาคมทั่วประเทศจีนและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสีบงดังทั้งในประเทศจีนและในโลกปัจจุบันปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 ของจีน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับมณฑลหลังจากปักกิ่งได้รับการจัดตั้งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ มีการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปัจจุบันปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงรักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย กลายเป็นเมืองใหญ่ของโลก ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศรองจากซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง การศึกษา การขนส่ง และวัฒนธรรมจีน ในขณะที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั้นจะอยู่ที่ "เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง"
 

3. กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

          กรุงมอสโก เป็นเมืองหวงของประเทศรัสเซีย และยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และการเดินทาง โดยตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมัสกวา ซึ่งในตัวเมืองมีประชากรอยู่อาศัยกว่า 1 ใน 10 ของประเทศ ทำให้เป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป และเมื่อสมัยครั้งที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย กรุงมอสโกก็ยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตด้วย
 

4. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (สหราชอาณาจักร)

 

           ลอนดอน เป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และสหราชอาณาจักร เป็นมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์โลก เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสารการบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ เป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก ถือกันว่าเป็นเมืองสากลหลักของโลก จีดีพีของลอนดอน คิดเป็นร้อยละ 19.5 ของสหราชอาณาจักรลอนดอนเป็นเมืองที่ประกอบด้วยหลายชนชาติอย่างมาก ประชากรมีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และภาษา ซึ่งประมาณว่ามีมากกว่า 300 ภาษา ลอนดอน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในระดับนานาชาติ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทวีปยุโรป โดยสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน คือ “ท่าอาศยานยนานาชาติฮีทโธรว์” และเป็นสนามบินนานาชาติที่ผู้คนเข้าออกมาที่สุดในโลก

 

5. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

           กรุงปารีส เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำเซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2,000 ปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548 กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัท จากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500 (Fortune Global 500 ) อีกด้วย โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เด ฟรองซ์ ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งของโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอน,โตเกียว และนิวยอร์ก La Petite France, สตราสบูร์ก
 

 6. กรุงเบอร์ลิน (ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี)

          อาคารรัฐสภาของเยอรมนีเบอร์ลิน เป็นเมืองหลวงและรัฐหนึ่งในสิบหกรัฐสหพันธ์ของประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในศูฯย์กลางที่มีอิทธิพลที่สุดของยุโรป ในด้านการเมือง วัฒนธรรม สื่อสารมวลชน และวิทยาการ เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการคมนาคมทางอากาศและทางรางของทวีป พื้นฐานทางเศรษฐกิจของเมืองคือธุรกิจบริการอันหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ บริษัทด้านสื่อ การบริการสิ่งแวดล้อม ศูนย์กลางการประชุมและแสดงสินค้า เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับที่สามของทวีปยุโรป อุตสาหกรรมอื่นๆรวมถึง วิศวกรรมจราจร ออปโอเล็กทรอนิกส์ไอที อุตสาหกรรมยานยนตร์ สุขภาพ วิศวกรรมชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ มหานครแห่งนี้เป็นบ้านของมหาวิทยาลัย สถาบันการวิจัย การแข่งขันกีฬา ออร์เคสตรา พิพิธภัณฑ์และบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมาก ภูมิทัศน์นครและมรดกทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินทำให้มันนิยมถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลองชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต ในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมาเบอร์ลินได้วิวัฒน์ไปสู่จุดรวมของปัจเฉกชนและศิลปินหนุ่มสาวมากมายหลากหลายชนชาติจากทั่วโลก ที่ถูกดึงดูดด้วยวิถีชีวิตแบบเสรีและจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาสมัยใหม่
 

7. กรุงโตเกียว (ประเทศญี่ปุ่น)


      
            กรุงโตเกียวเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีระบบการปกครองแบบพิเศษซึ่งรวมการปกครองในรูปแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน และเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2548 เป็นเมืองที่ประชากรมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง โตเกียวได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2550 โตเกียวได้เป็นอันดับที่ 4 รองจาก มอสโก ลอนดอน และโซล ตามลำดับ คำว่า “โตเกียว” หมายถึง -นครหลวงตะวันออก- ในพื้นที่โตเกียวยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังอิมพีเรียล โตเกียวเคยถูกเรียกว่า เอโดะ ซึ่งแปลว่า -แม่น้ำ- เมื่อกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปี 1868 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โตเกียว
 

8. กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี่



          กรุงโรมเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐอิตาลี่ การปกครองแบบสาธารณัฐมีปธ.และนายกรัฐมนตรีใช้ภาษาอิตาลี่สื่อสาร
 

9. เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย



           
                ประเทศซาอุดีอาระเบีย หรือ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

 

10. เมืองหลวง เคนเบอร์ล่า เมืองใหญ่สุด “ซิดนี่ย์” ประเทศออสเตรเลีย



                สถานทูต Embassy Street อาคารรัฐสภา (PARLIAMENT HOUSE) สวนสัตว์พื้นเมือง Koala Park Sanctuary วนอุทยานแห่งชาติบลูเม้าท์เท่น ชื่นชมและสัมผัสทิวทัศน์สวยงามบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ เที่ยวชม หุบเขาสามพี่น้อง (Three’s Sister) ซึ่งเป็นยอดเขา 3 ลูก เรียงติดกัน ต้นกำเนิดตำนานความรักอันแสนเศร้าของยักษ์สาวอะบอริจิ้นตำนานเก่าแก่ของชาวชนเผ่าอะบอริจิ้น สถานีรถรางไฟฟ้า (Katoomba Scenic Railway) เพื่อนั่งรถรางไฟฟ้าที่ดัดแปลงมาจากรถขนถ่านหินในสมัย ก่อนวิ่งผ่านทะลุหุบเขาอันสูงชันถึง 52 องศาลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง สวนฟิตท์ซอย สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ จากนั้นนำท่านเที่ยวชมกระท่อมกัปตันคุ้ก นักสำรวจชาวอังกฤษคนสำคัญของโลกผู้ค้นพบทวีปออสเตรเลีย สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของเมืองเมลเบิร์นเขต Docklands เป็นย่านที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ต่อจากศูนย์กลางธุรกิจของเมืองเมลเบิร์น

 
ที่มา : http://mekaje.wordpress.com/2011/03/04/10-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81/